พวกเราที่อยู่ในอเมริกา“ดินแดนแห่งผู้อพยพ” ทุกคนที่อยู่ในอเมริกาจะว่าเป็นชาวต่างด้าวทั้งหมดก็ได้ อเมริกามีคนต่างเชื้อชาติ ต่างสัญชาติ ต่างภาษา ต่างสีผิว และต่างวัฒนธรรม หลายชาติ หลายภาษา ในยุคปัจจุบัน เวลาพูดถึงคนแต่ละชาติ เเราจะต้องมีความอ่อนไหวกับวัฒนธรรมของแต่ละชาติ เรียก“คัลเช่อร์ เซ็นซิทีฟ” (culture sensitive) “คัลเช่อร์”= วัฒนธรรม “เซ็นซิทีฟ”= ความอ่อนไหว เราควรรู้ และใช้คำศัพท์ที่เหมาะสมในการเรียกชื่อหรือพูดถึงคนแต่ละกรุ๊บ ถ้าเราใช้ศัพท์ไม่ถูกต้อง อาจบ่งถึงการรังเกียจและกีดกันเชื้อชาตินั้นๆ โดยเฉพาะอเมริกามีกฎหมาย “เฮ๊ท ไครมน์” (Hate Crime) เป็นกฎหมายที่เพิ่มโทษอาชญากรรมรุนแรง ถ้าผู้ใดทำร้ายผู้อื่นเนื่องจากความเกลียดชังสีผิว และเชื้อชาติ
ตั้งแต่เหตุการณ์ “นายน์/อีเลฟเว่น” (9/11) วันที่ 11 กันยายน 2001 ที่ผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิม ถล่มตึก “เวิร์ลด เทรด” ในรัฐนิวยอร์ค คนอเมริกันกีดกันและโกรธแค้นชาวมุสลิม คนไหนหน้าเหมือนแขก ก็ทึกทักว่าเป็น “แทโรริสท์” (terrorist) หรือผู้ก่อการร้ายหมด พอมายุค “โควิด” (COVID)ยุครัฐบาล“ทรัมพ์” ตอนโควิดระบาดใหม่ๆ ในทำเนียบขาวเอง ไม่ทราบว่าวุฒิสมาชิกคนไหนให้สัมภาษณ์ต่อหน้านักข่าว เรียก “ไข้หวัด โควิด” ว่า “คังฟลู” (kungflu) (ฟลู แปลว่า ไข้หวัด) ซึ่งเป็นการล้อเลียนถึงการรังเกียจคนจีน ตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบันจะได้ยินข่าวคนจีนถูกทำร้ายร่างกายด้วยความเกลียดชังสีผิว ป.ธ.น. ทรัมพ์เองตอนดำรงตำแหน่ง จะใช้สรรพนามเรียก คนเม็กซิกันที่ลักลอบเข้าอเมริกาตามชายแดนว่าพวก “แบ๊ด ฮ็อมเบรส์” (bad hombres) หรือ “พวกคนไม่ดี”
“น็อน ซิติเซ่น” (NON CITIZEN)
รัฐบาล “ไบเดน” เมื่อ ป.ธ.น. โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมือวันที่ 20 มกราคม 2021 ในเดือนเรก ท่านได้ประกาศยกเลิกคำศัพท์ที่ “อิมมิเกรชั่น” ใช้เรียก คนต่างด้าวว่า “เอเลียน” (alien) คำว่า Alien แปลว่า มนุษย์ต่างดาว ???? และเรียกคนต่างด้าวที่อยู่อย่างผิดกฎหมายว่า “อิลลีเกิล เอเลียน” (illegal alien) คือ เอเลียนที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย ป.ธ.น. ไบเดน สั่งให้เปลี่ยนมาใช้คำ “น็อน ซิติเซ่น” (non-citizen)” แทน เรียกคนคนต่างด้าวที่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน โดยประกาศว่า อเมริกาต้องให้ “ศักดิ์ศรี” หรือ “ดิ๊กนิตี้” (dignity) ต่อคนต่างชาติ และเรียกคนต่างด้าวที่อยู่อย่างผิดกฎหมายว่า “อัน ด๊อคคิวเม๊นท์เต็ด น็อน ซิติเซ่น” (undocumented non-citizen) คือคนต่างด้าวที่ไม่มีเอกสาร
ลาติเน็กซ์ (LATINX)LATINX ออกเสียง “ลาติเน็กซ์” เป็นศัพท์ใหม่ภาษา “สแปนิช” ใช้เรียกพวก กลุ่มคนลาติน-อเมริกัน ที่เป็นเกย์หรือ เลสเบียน คือ “ผู้ที่ไม่ต้องการระบุเพศว่าเป็นชายหรือหญิง” คำสุภาพคือ พวก “เจ็นเด้อร์-นูทรัล” (gender-neutral) “ลาติเน็กซ์” เป็นศัพท์ใหม่ เริ่มใช้ในอเมริกา ส่วนมากเด็กรุ่นใหม่และเด็กคอลเลจ ที่เป็น“เกย์”หรือ“เลสเบี้ยน” จะใช้ศัพท์นี้ คำนี้มาดังในปี ค.ศ. 2016 น.ส.พ. ลงข่าวเหตุการณ์ที่ ชายมุสลิม เข้าไปยิงกราดใน “เกย์ไน๊ท์คลับ” เมือง โอลานโด รัฐฟลอริด้า วันที่ 12 มิ.ย. 2016 คืนนั้นมี ปาร์ตี้ Latin Night (ลาติน ไน๊ท์) คนตาย 49 คน บาดเจ็บ 53 คน ซึ่งส่วนมากเป็นชาว ลาติน-อเมริกัน นักข่าวใช้สรรพนามถึงผู้ตายและบาดเจ็บว่า กลุ่มลาติเน็กซ์ ที่มาของคำสะกด X ไวยากรณ์ภาษาสแปนิช แยกเพศชาย และเพศหญิง เพศชายลาติน-อเมริกัน เรียก “ลาติโน่” (Latino) เพศหญิงลาติน-อเมริกัน เรียก “ลาติน่า” (Latina) คำ “ลาติเน็กซ์” Latinx มาจากการตัดอักษร O ออก คำ “ลาติโน่” และอักษร A ออกจาก “ลาติน่า” และใช้อักษร X แทน คำนี้ไม่เป็นที่ยอมรับในประเทศเสปนและคนรุ่นเก่า ดิฉันเองจะไม่ใช้คำ ลาติเน็กซ์ เพราะครูสแปนิช Ms. Barbosa ที่ดิฉันเรียนภาษา สแปนิช กับเธอมาเกือบ 5 ปี ไม่แนะนำให้ใช้

ความหมายของอักษร X
ปัจจุบัน ยุค “คัลเช่อร์ เซ็นซิทีฟ” เวลาคุณจะใช้คำนำหน้า จ่าหน้าซอง หรือ การ์ดเชิญ หรือเรียก ผู้ที่ไม่ต้องการระบุเพศว่าเป็นชายหรือหญิง” หรือ พวก “เจ็นเด้อร์-นูทรัล” คุณจะใช้ Mx. ออกเสียง “เม็กซ์” แทนที่จะเรียก หรือใช้ Miss “มิส” หรือ Mr. “มิสเตอร์” ตัวอย่าง Mx. Jane Doe
LGBTQ
ในอเมริกา เมื่อกล่าวถึงพวก กลุ่ม เกย์ เลสเบียน ไบ หรือแปลงเพศ จะใช้คำย่อว่า “แอล จี บี ที คิว” (LGBTQ) L ย่อมาจาก “เลส เบียน” (Lesbian) G ย่อมาจาก “เกย์” (Gay) B ย่อมาจาก “ไบเซ็กชัวล์” (Bisexual ได้ทั้งสองเพศ) T ย่อมาจาก “ทรานสเจ็นเด้อร์”(Transgender ผู้แปลงเพศ) และ Q ย่อมาจาก “เควียร์” (Queer พวกพิสดาร) หรือ ย่อมาจาก “เควสชันนิ่ง” (Questioningคือ ???? แล้วแต่คนจะแปล) คำว่า “เควียร์” เป็นคำศัพท์ที่รุนแรง และไม่สุภาพ ไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ
เม็กซิกัน ชิคาโน่ ฮิสแปนิค และลาติโน่
เม็กซิกัน ชิคาโน ลาติโน่ และฮิสแปนิค ต่างกันอย่างไร ก่อนดิฉันเรียนภาษาสแปนิช เห็นใครพูดภาษาสแปนิช ก็จะคิดว่าเป็นเม็กซิกันเสียหมด เดี๋ยวนี้ดิฉัน“คัลเช่อร์ เซ็นซิทีฟ” มากขึ้น ความแตกต่างดังนี้
เม็กซิกัน (Mexican) หมายถึงคนที่เกิดในประเทศเม็กซิโก หรือถือสัญชาติเม็กซิกัน หรือ พ่อแม่ ปู่ย่า ตา ยาย เป็นเม็กซิกัน
ชิคาโน่ (Chicano) หมายถึงเด็กเม็กซิกันที่เกิดในอเมริกา ส่วนเม็กซิกันที่เข้ามาอยู่ในอเมริกา และภายหลังได้ใบเขียวหรือโอนสัญชาติ ก็ยังเรียกตัวเองว่า เม็กซิกัน หรือ เม็กซิกัน-อเมริกัน ตัวอย่างเปรียบเทียบ สำหรับดิฉัน ก็คือ “ไทย” แต่ถ้าเด็กไทยเกิดในอเมริกา ก็อาจใช้ “ไทย-อเมริกัน”
ฮิสแปนิค (Hispanic) ตามหลักหมายถึงพลเมืองที่พูดภาษาสแปนิชเป็นหลัก หรือพลเมืองที่มาจากประเทศที่ใช้ภาษาสแปนิชเป็นหลัก ซึ่งหมายถึงประเทศ เสปน
แต่ในอเมริกา เมื่อพูดถึง “ฮิสแปนิค” จะรวมไปถึงกลุ่มคนที่มาจากประเทศใน “ลาติน-อเมริกา” ลาติน อเมริกา รวม 3 ทวีป อเมริกาเหนือ (น๊อร์ท อเมริกา North America) อเมริกากลาง (เซ็นทรัล อเมริกา Central America) และอเมริกาใต้ (เซ๊าท์อเมริกา South America) จากประเทศ เม็กซิโกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาเหนือ ลงไปถึงอาร์เจนติน่า และบวกประเทศใน คาริเบียน (ดูรูป) ฉะนั้นเวลาเรียก ฮิสแปนิค และ ลาติโน่ ส่วนมากจะใช้มั่วกัน
แต่ความแตกต่างระหว่าง ฮิสแปนิค และ ลาติโน่ คือ คนฮิสแปนิคส่วนใหญ่มาจากประเทศเสปนโดยเฉพาะ คนผิวขาว แถบคาบสมุทร ไอบีเรีย (ไอบีเรีย เพนนินซูล่า Iberia Peninsula) คำว่า “ฮิสแปนิค” รากศัพท์มาจากภาษา ลาติน “ฮิสปานิคัส”(Hispanicus) พวกเขาจะมีความภาคภูมิใจในประเทศของเขา เสปนเป็นประเทศที่เก่าแก่ มีขนบธรรมเนียม ประเพณีที่เก่าแก่ดั้งเดิมของบรรพบุรุษ
ลาติโน่ (Latino) ส่วนชาว ลาติโน่ เรียกกลุ่มคนตามหลักภูมิศาสตร์ ซึ่งครอบคลุม 33 ประเทศ บวกประเทศในกลุ่ม คาริเบียน ภาษาหลักคือ ภาษาสแปนิช ปอร์ตุกีส ฝรั่งเศษ คนจะมีหลายขนบธรรมเนีนมประเพณี ผิวขาว ผิวดำ ผสมคนพื้นเมืองและคนเอเชีย คนลาติโน่ อาจเรียกตนเองเป็น “ฮิสแปนิก” แต่คน “ฮิสแปนิก” จะไม่เรียกตนเองว่าเป็น “ลาติโน่”
