“ดาค่า” และ ภาระสังคม

สวัสดี กรกฎา ค่ะ วันนี้วันสุดท้ายของมิถุนายน เดือน มิ.ย. เป็นเดือนที่อากาศขมุกขมัวที่นี่ จึงถูกเรียกว่า “จูน กลูม” (June gloom) ทั้งเดือนที่ผ่านมาอากาศเย็นน่าเดินมากตอนเช้า ประมาณ 64 องศา F (18 องศา C) พรุ่งนี้อากาศเริ่มร้อน วันที่ 4 ก.ค. (July 4th ) เป็นวันชาติอเมริกัน เมืองดิฉันเงียบเหงาปีนี้ ปกติทุก 4 ก.ค. ตอนเช้า มีวิ่งมาราธอน Run for Funเริ่มตั้งแต่ 6 โมง หลังจากนั้นมีพาเหรด มีกิน “แพนเค๊ก เบร๊กฟัส” และการเล่นแข่งขันเด็ก 😦 ดูรูป

แม่ ลูก July 4th

คอลัมน์นี้พูดถึง 2 หัวข้อ (1) ฟอร์มใหม่ I-944 ที่ผู้ขอใบเขียวในอมเริกา ต้องกรอก มีผลบังคับใช้ 20 กุมภา 2020 ในกรุ๊บใบเขียวครอบครัว คู่สมรส พ่อ แม่ ลูก มีคำถามละเอียดยิบ ซึ่งจะนำไปพิจารณาว่าในอนาคตคุณจะไปเป็นภาระสังคมหรือไม่ (2) ข่าวดี คำตัดสินของศาลสูงสุดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2020 เปิดใบเขียวให้ กฎหมาย “ดาค่า” (DACA) ช่วยเด็กโรบินฮู้ดที่เรียนหนังสือในอเมริกาดำเนินต่อไป หลังจากรัฐบาลทรัมพ์ยกเลิกและชะงักโปรแกรมไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2017

ฟอร์ม I-944

ฟอร์ม I-944 มีทั้งหมด 18 หน้า คุณสามารถเปิดอ่านคำถามได้ใน www.uscis.gov  click Forms คำถามที่สำคัญข้างล่างนำไปพิจารณาว่าคุณ(ผู้รับใบเขียว) อาจจะเป็นภาระสังคมในอนาคตหรือไม่1. ถ้าคุณเคยได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ หรือรัฐบาลรวมสวัสดิการ เหล่านี้ คูปองอาหาร ค่าเช่าบ้าน  ค่ารักษาพยาบาล (ยกเว้นค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน) หรือเคยขอผ่อนผันค่าธรรมเนียมอิมมิเกรชั่น เป็นต้น2. ถ้าคุณเคยยื่นหรือถูกฟ้องล้มละลาย รวมในเมืองไทย โปรดเตรียมเอกสารไว้3. การศึกษา ถ้าคุณมีปริญญามหาวิทยาลัย ทรานสคริป หรือมีทักษะและใบประกอบอาชีพอื่นๆ เช่นเป็นพยาบาล ทนาย เอ็นจิเนียร์ โปรดเตรียมเอกสารไว้ภาษาอังกฤษ (ถ้ามี) หรือไทย4. ภาษา ถ้าคุณเคยเรียนภาษาอื่นๆ และมีประกาศนียบัตร โปรดเตรียมเอกสารไว้5. ถ้าคุณมี เครดิต สกอร์ ในอเมริกา โปรดเตรียมเอกสารไว้6. อีกคำถามคือ คุณมีประกันสุขภาพหรือไม่ ถ้าคุณมีโอกาศที่จะซื้อประกันสุขภาพ ควรซื้อไว้

โปรดเตรียมเอกสารไว้ ไม่แนะนำให้คุณนำเอกสารเหล่านี้ติดตัวไปในกระเป๋าเดินทางเข้าอเมริกา คุณควรแสกนถ่ายรูปเก็บไว้ และเก็บตัวจริงในซอง เผื่อต้องให้ญาติพี่น้องส่งตัวจริงไปอเมริกา

ลูกชนะรางวัลที่ 2 ในกรุ๊บอายุเขา

“ดาค่า” DACA  

“ดาค่า” (DACA ย่อจาก Deferred Action for Childhood Arrivals ) หรือ“ดรีม แอ็กท์” รัฐบาลโอบาม่าผ่านกฎหมาย “ดาค่า” 15 มิถุนายน 2012 ออกมาช่วยเด็กโรบินฮู้ด ที่พ่อแม่พาเข้ามาเรียนหนังสือในอเมริกาตั้งแต่เล็กๆ ภายใต้“ดาค่า” รัฐบาลไม่เนรเทศเด็กและ ออกใบทำงานให้ พวกเขาสามารถอยู่ในอเมริกาได้อย่างถูกต้อง รัฐบาลทรัมพ์ได้สั่งยกเลิก  “ดาค่า” เมื่อเดือนกันยายน 2017 อิมมิเกรชั่นหยุดรับเคส “ดาค่า” ตั้งแต่นั้น  เรื่องขึ้นศาลสูงสุด  เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 19 มิถุนายน 2020  ศาลสูงสุดได้ตัดสินเคส  “ดาค่า” และ เปิดใบเขียวให้ “ดาค่า” ดำเนินต่อไป ณ. วันนี้อิมมิเกรชั่นรับเคส “ดาค่า” ต่อ ผู้ที่ต้องต่อใบทำงานจาก“ดาค่า” สามารถยื่นเรื่องได้ทันที ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยยื่นเรื่องภายใต้ ดาค่า โปรดอ่านคุณสมบัติผู้ขอ “ดาค่า” ครั้งแรก มีดังนี้1. ต้องอายุต่ำกว่า 31 ปี ณ. วันที่ 15 มิถุนายน 20122. ต้องเข้ามาอเมริกาก่อนอายุ 16 ปี3. อยู่ในอเมริกามาตลอดโดยไม่ขาดช่วงตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 20124. ปัจจุบันยังเรียนหนังสือ หรือได้จบไฮสกูล หรือเคยเป็นทหารและปลดประจำการอย่างมีเกียรติ5. ไม่มีปัญหาด้านอาชญากรรมทางกฎหมาย

HAPPY 4th ค่ะ

พ่อ ลูก แม่ แฮ็ปปี้

โควิด-19

เห็นหัวข้อก็เซ็งไม่อยากอ่านแล้ว 555555 

สวัสดีค่า เซ็งไหมคะ ตั้งแต่มีคำสั่ง “สเต โฮม ออร์เด้อร์” (Stay Home Order) ให้อยู่บ้าน เพื่อยับยั้งการระบาด “ไวรัส โควิด” ในเมกาช่วงแรกๆที่มีข่าว “โควิด ไนน์ทีน” (COVID-19) น.ส.พ. เรียก “โคโรน่าไวรัส” เพราะไวรัสพันธ์ใหม่นี้อยู่ในกรุ๊บ “ไวรัส โคโรน่า” ซึ่งไวรัสนี้มีการแพร่ระบาดมาก่อนหน้าแล้วหลายครั้ง  แต่ละครั้งก็ออกสายพันธ์ใหม่ มนุษย์หรือวงการแพทย์ก็เอาชนะมันมาได้เรื่อยๆโดยการคิดค้นวัคซีนป้องกันได้ทุกครั้ง

ดิฉันได้ยินข่าวโคโรน่าไวรัสครั้งแรกก็ประมาณกลาง-ปลายมกรา ฟังแล้วดิฉันไม่ติดใจอะไร ช่วงนั้นข่าวใหญ่ก็คือ การหาเสียงและมีการโต้วาทีของผู้ลงสมัครหาเสียงของพรรคเดโมแครท (ปีนี้เป็นปีเลือกตั้ง ประธานาธิบดี ใหม่ เดือน พ.ย.สิ้นปีนี้)  หลายคนรวมทั้งดิฉันคิดว่า น.ส.พ. ประโคมข่าวเพื่อเบนความสนใจจากเลือกตั้ง จนกระทั่งข่าวดังมากขึ้นๆด้วยสถิติคนป่วยและตาย  ดิฉันก็ยังไปโยคะปกติที่ยิมทุกวัน และวันจันทร์ พุธ ก็ไปเรียนภาษาสแปนิช  จนกระทั่งวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม ดิฉันไปยิม 24 Hr. Fitness ยิมปิดงง เพราะวันศุกร์ยังไปโยคะอยู่เลย   

หลังจากนั้นวิถีชีวิตทุกคนก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่รัฐบาลประกาศ  “สเตโฮม ออร์เด้อร์” (Stay Home Order) ดิฉันเลี่ยงที่จะไม่ฟังและอ่านข่าวละเอียด อ่านแต่หัวข่าว เพราะอ่านทีไรก็เครียดทุกที  ดิฉันโชคดี ที่เราอยู่เมืองเล็กๆผู้คนดี รู้จักกันหมด เวลาเดินก็เลี่ยงสวนกันห่างๆ ตำรวจก็ดี เมืองเราไม่ปิดพาร์ค ดิฉันและครอบครัวก็ยังออกไปเดินปกติวันละ 3 ไมล์ ตลาดอยู่ข้างบ้านเดินถึง คนก็ไม่มากไม่ต้องเข้าแถวคิวยาวอย่างเมืองอื่น  เราทำโยคะ 6 วัน มี น.ร. มา 3 คนยืนห่างกัน คือว่ายังได้เจอหน้าผู้คนเกือบปกติ

นักเรียนโยคะ ท่าพระจันทร์ครึ่งดวง Half Moon Pose

ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ดิฉันต้องศึกษามันว่า เจ้าไวรัสโควิดนี้มันรุนแรงอย่างที่คนกลัวกันหรือไม่  เพราะดิฉันอยากบินไปเมืองไทยใจจะขาด ดิฉันต้องยกเลิกตั๋วเครื่องบินเมื่อวันที่ 13 เมษาที่ผ่านมา 😦

ไข้หวัดใหญ่ โควิด

“โควิด-19” คือ ไข้หวัดใหญ่ “ฟลู” เรียกชื่อเต็มคือ “อินฟลูเอ็นซ่า” (Flu / Influenza)  เป็นไวรัสในกรุ๊บโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่  ครั้งล่าสุดที่มีไข้หวัดใหญ่ระบาดไปหลายประเทศทั่วโลก “แพนเดมิค” (Pandemic) คือ เดือน เมษา ปี 2009 (ค.ศ.2552) เชื้อสายพันธุ์นี้เป็นผลรวมจากไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ ไข้หวัดนก และไข้หวัดหมู ในเดือน ตุลา 2010 องค์การอนามัยโลก (WHO-World Health Organization) ประกาศว่าไวรัสหยุดแพร่  และได้ค้นพบวัคซีนฉีดป้องกัน 

ในปี 2012 สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC- The Communicable Disease Center) ประกาศให้คนฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี “ฟลู ช็อต” (Flu Shot) ก่อนเดือนตุลาคมแต่ละปี ซึ่ง ตุลาถึง กุมภาอาจเลยไปถึง พฤษภา ถือเป็นฤดูไข้หวัด ตามสถิติคนอเมริกันป่วยเป็น ฟลู

ดิฉันสรุปเองว่า เมื่อไรที่คนจะเลิกกลัว“ไวรัสโควิด”นี้ก็ต่อเมื่อมีวัคซีนป้องกัน ดิฉันก็เลยฮึดสู้ว่า ตั้งแต่มาอยู่อเมริกาดิฉันไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันอะไรทั้งสิ้น เมื่ออายุครบที่ทางอเมริกาจัดว่าเป็น ผู้สูงอายุ หรือ“ซีเนียร์ คือ 55 ปีขึ้นไป ดิฉันก็เริ่มไปตรวจร่างกายประจำปี  ปี 2012 หมอก็บอกให้ดิฉันฉีด “ฟลู ช็อต” เมื่อดิฉันบอกไม่ (เพราะจำไม่ได้ว่าเป็นหวัดครั้งสุดท้ายเมื่อไร ถ้าเป็นก็หายเองเร็วใน 1-2 วัน) หลังจากนั้นแต่ละปีหมอก็ถามทุกปี สัก 3-4 ปีต่อมา นอกจาก “ฟลู ช็อต”  หมอแนะนำเพิ่ม “นูโมเนีย ช็อต” (Pneumonia Shot) แก้ปอดบวม ดิฉันก็ไม่ คุณหมอหนุ่มพูดต่อว่า “อันตรายนะที่ไม่ฉีดเพราะอายุคุณ????” พอปีที่แล้ว คุณหมอแนะนำวัคซีนใหม่“ชิงเกิ้ล ช็อต” (Shingle Shot) โรคงูสวัสดิ์ ทั้งหมด 3 ช๊อต“ฟลู ช็อต”“นูโมเนีย ช็อต” และ “ชิงเกิ้ล ช็อต”ดิฉันก็ไม่  เดี๋ยวรอปีหน้าคุณหมอคงเพิ่ม“ฟลูโควิด 19 ช็อต” 

การป้องกันตัว

นอกเหนือจากคำแนะนำที่ปกป้องโควิด ซึ่งเป็น คอมม่อน เซ๊นส์ที่ทุกคนควรจะปฏิบัติ  ข้างล่างเป็นคำแนะนำ เพื่อสร้างภูมิต้านทาน

  1. อย่าเครียด เริ่มด้วย อดข่าว อดไลน์ เพราะทำให้เครียด ความเครียด ทำให้ปวดหัว จากปวดหัวจะมีอาการ ปวดเมื่อยคอ และเริ่มนอนไม่หลับ เพราะกังวล ว่าติดโควิดรึเปล่า เลยเป็นไข้เลยไปกันใหญ่
  2. ฝึกลมหายใจช้าๆ นั่งเงียบๆสงบ หรือนอนราบบนเสื่อกับพื้น วางมือที่หน้าท้อง และอีกมือที่อก หายใจเข้าออกช้าๆ หายใจเข้าท้องผาย หายใจออกท้องแฟบ ระหว่างลมหายใจอยู่นิ่ง นับในใจช้าๆ 1-10 และค่อยๆเพิ่มไปเรื่อยๆ ถ้าคุณ สามารถ hold ลมหายใจได้ 10 วินาที หรือมากกว่านั้น แสดงว่าปอดยังดี
  3. เดินทุกวันในพาร์ค ในเมืองไทยก็เดินหัวซอยถึงท้ายซอย
  4. เปิด YouTube  ทำเอ็กเซอร์ไซด์ทุกวัน ค่อยเริ่มๆ แค่ยืดเส้นสายก็ยังดี 
  5. โทรคุยกับเพื่อน คุยสนุกๆ หรือวางแผนเที่ยว ไม่คุยเรื่อง โควิด
  6. ดิฉันต้มน้ำขิงดื่มแทนกาแฟทุกเช้า และคั้นน้ำส้มดื่มแก้วใหญ่ทุกวัน
  7. อันนี้แถมค่ะ เห็นรูปน่ารักดี   เวลาไอหรือจามอย่าใช้มือป้องปาก ใช้ข้อศอกแทน

คำสั่ง “ทรัมพ์” ห้ามใครเข้าอเมริกามั่ง

เฮ้อ! ป.ธ.น.ทรัมพ์ออกคำสั่ง หรือ “พร๊อค คลา เม ชั่น” (Proclamation) เมื่อวันพุธ ที่ 22 เมษา   เข้มงวดคนต่างชาติเข้าเมกาอีกแล้ว คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ชั่วคราว 60 วันนับจากวันศุกร์ที่ 24 เมษา 2020  หลังจากนี้ 30 วัน กระทรวงการต่างประเทศ กรมแรงงาน และเลขาณุการของรัฐจะประชุมกันอีกทีว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดบ้าง  เข้ารายละเอียดเลยนะคะ

หมายเหตุ

คำว่า “พร๊อค คลา เม ชั่น” (Proclamation) คือคำสั่งจากผู้บริหาร“ประธานาธิบดี” ไม่ใช่กฎหมาย ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ประธานาธิบดีมีสิทธิออกคำสั่งได้ ในกรณี ฉุกเฉิน และเพื่อความปลอดภัยและชีวิตของประชาชน เช่นในยามสงคราม หรือโรคระบาด ฉะนั้นคำสั่งนี้ชั่วคราวนะคะ ไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนกฎหมายอิมมิเกรชั่นที่มีมากว่า 100ๆ ปีได้

กรุ๊บผู้ที่ห้ามเข้าอเมริกา

– คนต่างชาติที่อยู่นอกอเมริกา ณ. วันที่ 24 เมษา 2020

– คนต่างชาติที่ไม่มีอิมมิแกรนท์วีซ่า (วีซ่าถาวร) ที่มีผลใช้ ณ. วันที่ 24 เมษา 2020

– คนต่างชาติที่ที่ไม่มีหนังสือเดินทางที่มีผลใช้ ณ. วันที่ 24 เมษา 2020

กฎข้างบนไม่รวมกรุ๊บข้างล่างซึ่งเดินทางเข้าอเมริกาได้ปกติ

– ผู้ที่ถือใบเขียว

– ชาวต่างชาติที่เข้ามาด้วยอิมมิแกร๊นท์วีซ่า (วีซ่าถาวร) รวม พยาบาล หมอ นักวิชาการด้าน COVID-19 คู่สมรสและลูกอายุต่ำกว่า 21 ปีผู้ติดตามของกรุ๊บนี้

– ชาวต่างชาติที่เข้ามาด้วยใบเขียวลงทุน• คู่สมรสซิติเซ่น และลูกซิติเซ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี

– ทหาร คู่สมรส และลูกทหาร

– ชาวต่างชาติที่เข้ามาด้วยอิมมิแกร๊นท์วีซ่าพิเศษ Special immigrant visa S-1 SQ

ผลสำหรับผู้ที่กำลังยื่นขอใบเขียว

– ซิติเซ่น ที่กำลังแอ็พพลายใบเขียวให้ พ่อ หรือ แม่ เคส “ออน โฮลด์” (on hold) คือหยุดนิ่งใน 60 วันนี้ อาจมีผลให้ช้าลงบ้าง

– ซิติเซ่น ที่กำลังแอ็พพลายใบเขียวให้ลูกอายุเกิน 21 ปี และพี่น้อง เคส “ออน โฮลด์” 60 วัน แต่ไม่น่าเป็นผลนักเพราะ 2 กรุ๊บนี้อยู่ภายใต้โควต้าซึ่งใช้เวลานาน 6-13 ปี อยู่ดี

– ผู้ถือใบเขียว ไม่สามารถแอ็พพลายใบเขียวให้คู่สมรส หรือ/ และลูกอายุต่ำกว่า 21 ปีได้ตอนนี้ (ในช่วง 60 วันนี้) ส่วนผู้ที่ยื่นเรื่องเข้าไปแล้วไม่เป็นผลค่ะ

– ผู้ที่แอ็พพลายวีซ่าล็อตโต้ ตอนนี้ “ออน โฮลด์” ค่ะ คือหยุดนิ่งใน 60 วันนี้

วีซ่าชั่วคราว และใบเขียวทำงาน

คำสั่งนี้ไม่มีผลกับการขอวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าลงทุน วีซ่านักเรียน วีซ่าทำงานและใบเขียวทำงาน ทุกกรุ๊บ คือคุณยังขอวีซ่าได้ปกติ

ข่าวดี อิมมิเกรชั่นออฟฟิสจะเปิดทำการปกติ 4 มิถุนายน 2020 ค่ะ ส่วนสถานทูตจะเปิดเดือน พฤษภาคม ค่ะ โปรดเช็คได้ ที่ www.travel.state.gov

เงินช่วยเหลือจากรัฐบาล

คุณที่อยู่ในอเมริกาคงได้ยินข่าวที่รัฐบาลทรัมพ์ได้ประกาศให้เช็คช่วยเหลือราษฎร เช็คนี้เรียก “สติมิวลัส เช็คส์”(STIMULUS CHECKS) เนื่องจากวิกฤติจาก COVID-19 ที่ส่งผลทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง ทำให้ประชาชนเดือดร้อน มีคำถามจากลูกความเข้ามาถามเรื่องเงินว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะได้รับ“สติมิวลัส เช็ค”

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเช็ค

  1. คุณต้องเป็นซิติเซ่นหรือถือใบเขียว
  2. มีบัตรโซเชียล
  3. อายุเกิน 18 ปี
  4. ต้องมีรายได้ไม่เกิน $75,000 ต่อปีต่อคน กรณีครอบครัว สามี ภรรยา รายได้รวมไม่เกิน $150,000 ต่อปี ส่วนครอบครัวที่หัวหน้าครอบครัวหรือ “เฮ็ด ออฟ เฮ๊าส์โฮลด์” (Head of Household) ทำงานคนเดียว รายได้รวมต้องไม่เกิน $112,500
  5. คุณต้องไม่มีคนอื่น เคลมคุณเป็น “ดีเพ็นเด๊นท์” (dependent) ตัวอย่าง พ่อเป็นซิติเซ่นอยู่บ้านเดียวกับคุณ คุณเคลมพ่อในภาษีรายได้ หรือ “อินคัมแท็กซ์” (Income Tax) เป็นดีเพ็นเด๊นท์ พ่อจะไม่ได้รับ “สติมิวลัส เช็คส์
  6. คุณต้องยื่น ภาษี ปี 2018 หรือ 2019

จำนวนเช็คเท่าไร

รัฐบาลดูรายได้คุณจาก “อินคัมแท็กซ์” ปี2019 ถ้าคุณยังไม่ได้ยื่นก็จะดูจากปี 2018 (ปีนี้เนื่องจาก COVID-19 IRS เลื่อนวันสุดท้ายที่คุณต้องยื่นภาษีไปเป็น 15 กรกฎาคมแทนที่จะเป็น 15 เมษายน)
“เบส”(base) เช็ค $1,200 ต่อคน ตัวอย่าง สามี ภรรยา ทั้งสองคนทำงาน ยื่นภาษีร่วมกันเรียก “จ๊อยนท์ อินคัมแท็กซ์” (Joint Income Tax) จะได้รับเช็ค 1 ใบ (ไม่ได้รับเช็คแยกต่อคน) $2,400 ถ้ามีลูก“ดีเพ็นเด๊นท์” อายุต่ำกว่า 17 ปี เด็กจะได้คนละ $500 เช่น 1 คน รวมเป็น $2,900 หรือ 2 คน $3,400 เป็นต้น

ส่วนผู้มีธุรกิจส่วนตัวดูจาก adjusted gross income หรือ AGI (ปรับรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย) ตามฟอร์ม IRS 1040 ปี 2018 บรรทัดที่ 7 (Line 7) ของปี 2019 อยู่บรรทัดที่ 8b (line 8b)
ส่วนครอบครัวที่หัวหน้าครอบครัวหรือ “เฮ็ด ออฟ เฮ๊าส์โฮลด์” (Head of Household) ทำงานคนเดียว รายได้รวมต้องไม่เกิน $112,500 แต่ถ้าเกิน ก็ยังได้รับเงินช่วยเหลือ แต่จะถูกหัก 5 เหรียญ ต่อทุก 100 เหรียญ ของส่วนเกิน

เราต้องกรอกฟอร์มอะไรบ้าง
ไม่ต้องกรอกฟอร์มค่ะ คุณที่มีคุณสมบัติตามข้างต้นและจ่ายภาษี จะได้รับเช็คโดยอัตโนมัติ ส่งเข้าบัญชีคุณโดยตรงหรือส่งเป็นเช็ค
ผู้รับเงินรายได้เสริม Supplemental Security Income
ผู้รับเงินรายได้เสริม Supplemental Security Income หรือ จะได้รับ “สติมิวลัส เช็คส์” โดยอัตโนมัติ ถึงแม้คุณไม่เคยยื่น “อินคัมแท็กซ์”

ได้รับเช็คเมื่อไร
เช็คแรกมีผู้ได้รับเมื่อวันที่ 14 เมษายนนี้ เช็คที่ซิมเปิ้ล $1,200 ตามเบสควรจะได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนเช็คที่ต้องคำนวนบวก ลบ คุณหาร อาจได้ช้ากว่า

แนะนำ
ข้อเตือน มีลูกเกิดปี 2019 แนะนำให้คุณรีบยื่นภาษีของปี 2019 ทันที เพื่อจะได้เคลมลูกที่เกิดใหม่ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ยื่นภาษีและได้รับ “สติมิวลัส เช็คส์” แล้ว ปีหน้าเมื่อคุณยื่นภาษี รัฐบาลจะเครดิตเงิน ส่วนของลูกให้ $500

โคโรน่าไวรัสมีผลกับอิมมิเกรชั่นอย่างไร

มีผู้ถามเข้ามาหลายคนว่า“โคโรน่าไวรัส” หรือ COVID19 ทางอิมมิเกรชั่นรับเคสช่วงนี้ไหม COVID19 มีผลทำให้เคสล่าช้าไหม หรือ ช่วงนี้ผู้ที่มาอเมริกาถือวีซ่าท่องเที่ยว สามารถอยู่เกินกำหนดได้ไหม

การเปลี่ยนแปลงในอิมมิเกรชั่น

การเปลี่ยนแปลงข้างล่างนี้มีผล ณ. วันที่ 20 มีนา 2020 ไป ผลนี้จะบังคับใช้นานเท่าไรไม่มีใครเดาได้ ที่แน่คือถึงวันที่ 1 เมษา 2020 นี้ หลังจากนั้นต้องติดตามข่าววันต่อวันค่ะ

  1. คุณยังยื่นเคสเข้าอิมมิเกรชั่นได้ปกติ เจ้าหน้าที่และคนทำงานให้อิมมิเกรชั่นยังทำงานอยู่จากบ้าน เคสจะล่าช้าไหม ไม่ทราบคะ คิดว่าปกติ เพราะทุกคนต้องการเงินเดือน และทางรัฐบาลคงไม่ต้องการจ่ายเงินชดใช้
  2. ออฟฟิสอิมมิเกรชั่น และออฟฟิสที่พิมพ์ลายนิ้วมือปิด อย่างน้อยถึงวันที่ 1 เมษายน ผู้ที่มีนัดสัมภาษณ์ หรือนัดพิมพ์ลายนิ้วมือ คุณจะได้รับจดหมายนัดวันใหม่
  3. ผู้ที่มีนัดสาบานตน เพื่อเป็นซิติเซ่น ช่วงนี้ยกเลิกค่ะ คิดว่าคงนานหน่อยค่ะ เพราะจะมีที่หอประชุมใหญ่ซึ่งมีคนเป็นพัน ถ้าคุณที่วางแผนเดินทางกลับไทยหลังได้ซิติเซ่น แนะนำไม่ให้เดินทางกลับค่ะ ใจเย็นๆรอไป ไหนๆก็ผ่าอุปสรรคมาถึงขั้นนี้แล้ว
  4. โซเชียล เซ็คคิวริตี้ออฟฟิสปิด ผู้ที่ได้ใบเขียวยังไม่สามารถไปขอใบโซเชียลได้ตอนนี้ โปรดเช็คออนไลน์ค่ะ ssa.gov
  5. การยื่นเคสเข้าอิมมิเกรชั่นตอนนี้ คุณสามารถส่งฟอร์มที่เป็นสำเนาลายเซ็นได้ ไม่ต้องเป็นลายเซ็นจริง
  6. ผู้ที่ถือวีซ่าท่องเทียว วีซ่านักเรียน วีซ่าทำงาน ที่วีซ่าหมดอายุหรือมีกำหนดวันกลับ ต้องเดินทางออกนอกประเทศภายในวันที่ระบุ ณ. วันนี้เรื่องโคโรน่าไวรัสไม่ใช่ข้ออ้างให้คุณอยู่เกินวีซ่าได้ นอกจากจะมีเหตุฉุกเฉิน คุณต้องยื่นเรื่องเข้าอิมมิเกรชั่นขอเรียก “a period of Satisfactory Departure” ซึ่งถ้าอนุมัติจะไม่เกิน 30 วัน
  7. เคสวีซ่าทำงานที่ ยื่นด้วยฟอร์ม I-129 และเคสใบเขียวทำงานที่ต้องยื่นฟอร์ม I-140 ยังดำเนินปกติ แต่อิมมิเกรชั่นไม่รับดำเนินเรื่องแบบด่วนหรือ “พรีเมียม พรอเซสซิ่ง” (Premium Processing) ถ้าผู้ใดยื่นเรื่องแบบด่วนวันที่ 20 มีนา 2020 และหลังจากนั้น ทางอิมมิเกรชั่นจะคืนเงินค่า พรีเมียม พรอเซสซิ่ง $1,140 ให้
  8. ผู้ที่มีใบทำงานหรือเอกสารทำงานอื่นๆ เวลาไปสมัครงานโดยปกติต้องกรอกฟอร์ม I-9 และนายจ้างต้องเช็คเอกสารตัวจริง เช่นใบทำงาน หรือแสตมป์บนพาสปอร์ต เป็นต้น แต่ระยะนี้ได้รับยกเว้น นายจ้างเช็คเอกสารก๊อปได้จาก ทางแฟกส์ ลิงค์ หรืออีเมล์ๆ หลังจากนั้นนายจ้างต้องเช็คเอกสารจริง
  9. ปิดด่าน ระหว่างคานาดาและอเมริกา และด่านเม็กซิโก ชั่วคราว สำหรับการเดินทางที่ไม่สำคัญ
  10. เดินทางในประเทศ ปกติต้องแสดงใบขับขี่ (Driver license) หรือบัตรประชาชนรัฐ (State ID) ถ้าบัตรหมดอายุวันที่ 1 มีนาคม 2020 คุณสามารถใช้บัตรเก่าได้ ใช้ได้ถึง 1 ปี หรือ 60 วันหลังวันหมดอายุระหว่างช่วงนี้ ต้องคอยติดตามข่าวค่ะ
  11. สถานกงสุลและสถานทูตอเมริกันในต่างประเทศระงับเชอร์วิสวันนัดสัมภาษณ์ วีซ่าชั่วคราว (ท่องเที่ยว)และวีซ่าถาวร (ใบเขียว) ผู้ที่จ่ายค่าธรรมเนียมแล้ววีซ่าท่องเที่ยวแล้ว ค่าธรรมเนียมนั้นมีอายุ 1 ปีนับจากวันที่คุณจ่าย
  12. ทางสถานทูตยังเปิดบริการสำหรับอเมริกันซิติเซ่น และสำหรับผู้ที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องเดินทางไปอเมริกา สามารถขอนัดฉุกเฉินได้ โดยเข้าไปที่ http://www.travel.state.gov

ผลของ “โคโรน่าไวรัส” ในแง่ดี

คุณคงเบื่อที่จะอ่านข่าว“โคโรน่าไวรัส”หรือชอบอ่าน 5555 ดิฉันอ่านแต่หัวข้อข่าวเท่านั้น อ่านมากก็เครียด เรามาดู “โคโรน่าไวรัส” ในแง่ดีกันเถอะ

  1. โลกสะอาดขึ้น เพราะมลพิษน้อยลง จากท่อไอเสียรถและจากคน เพราะคนเก็บตัวกันในบ้าน
  2. การจราจรไม่ติดขัด ถนนว่าง ผู้คนไม่แออัด
  3. ครอบครัวได้อยู่บ้านพร้อมหน้ากัน ทานข้าวด้วยกัน
  4. คนออกไปเดินที่พาร์คมากขึ้น ได้ออกกำลังและได้สูดอากาศบริสุทธิ์
  5. สำหรับบ้านดิฉัน“โคโรน่าไวรัส” ช่วยให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางดี ดิฉันไม่ได้ไปยิม 24Hour Fitness เพราะยิมปิดหมด ปกติดิฉันโยคะที่ยิม 6 วัน บวกสอนที่บ้าน 3 วันต่ออาทิตย์ ตอนนี้เลยเพิ่มโยคะอีก 3 วันที่บ้าน เป็น 6 วันต่ออาทิตย์แทน มีนักเรียนมา 2-3 คน ที่ว่างเหลือเฟือ เรายืนห่างกัน 6 ฟุต ทุกวันเราจะนั่งลมปราน หายใจลึกและยาว ทุกคนสามารถหายใจและ hold ลมหายใจได้เกิน 10 วินาทีทุกคน (ตามที่องค์การสุขภาพประกาศ ต้อง hold ลมหายใจ 10 วิ) แฮ็ปปี้มากที่คุณสามีโย 6 วันต่ออาทิตย์ไม่บ่นสักคำ
  6. เราประหยัดเงินทานข้าวนอกบ้าน เราทำอาหารมีประโยชน์ขึ้น ดิฉันทำซุปผักฤดูหนาวเกือบทุกวัน เพราะอาหารขาดตลาด นอกจากผักมีเหลือเฟือ ขนมปังก็ขาดตลาด ดิฉันก็เลยต้องทำขนมปังเองคุณสามีติดใจบอกว่าอร่อยกว่าซื้อกิน

เมื่อเช้าไปเดินที่พาร์ค (La Palma Park) มีคนไปเขียนที่กำแพง ถ่ายรูปมาให้ยิ้มกัน

Take Care ตัวเองกันนะคะ ครอบครัวเราสบายดี

AFTER THIS WE ALL GET PIZZA. THANK YOU FOR BEING OUR NEIGHBOR!

เล๊นท์ (LENT) วันเข้าพรรษาของฝรั่ง

วันนี้คุยเรื่องเบาๆ ประเพณีและวัฒนธรรมของคนอเมริกัน (นอกเหนือจากการเลือกตั้ง 555) วันพุธ 25 ก.พ. นี้ เป็นวัน “แอ๊ช เว๊นส์เดย์” (Ash Wednesday) เป็นวันทางศาสนาของชาวคริสเตียน (แอ๊ช = ขี้เถ้า วันแอ๊ช เว๊นส์เดย์” คือ“วันรับเถ้า” ซึ่งจะตรงกับวันพุธ) เป็นวันแรกของการถือศีล คล้ายวันเริ่มเข้าพรรษา เรียกเข้าช่วง “เล๊นท์” (Lent) รวมทั้งหมด 46 วัน เริ่ม 26 ก.พ. ถึงวัน “อีสเต้อร์” (Easter) 12 เมษา วัน “อีสเต้อร์” ถือเป็นวันออกศีล

ความเป็นมาทางศาสนา

ตามพระคัมภีร์ พระเยซูเริ่มอดอาหารตรงกับวันพุธเพื่อปฏิบัติธรรม ท่านเดินเท้าข้ามทะเลทรายผ่านความธุรกันดารเป็นเวลา 40 วันมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม (Jerusalem) ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน ซึ่งวันนั้นตรงกับวันอาทิตย์ เมื่อพระเยซูเดินทางมาถึงมีผู้คนที่ศรัทธารอรับท่านอยู่ที่ประตูเมือง พวกเขาได้โปรยใบปาล์มลงบนพื้น เพื่อให้ท่านเดินบนใบปาล์ม วันนั้นเรียกวัน “ปาล์ม ซันเดย์” (Palm Sunday) มีสาวกผู้หนึ่งที่ทรยศต่อพระเยซูแอบไปแจ้งทหารโรมันว่า พระเยซูประกาศตนเป็นบุตรพระเจ้า เมื่อกษัตริย์โรมันรู้เข้า ท่านได้สั่งทหารให้ฆ่าพระเยซู โดยจับพระเยซูตรึงไม้กางเขน วันนั้นตรงกับวันศุกร์ เป็นวันที่พระเยซูสิ้นชีวิตเรียกวันนั้นว่า “กู๊ด ฟรายเดย์” (Good Friday) สองวันต่อมา ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ เมื่อผู้ศรัทธาไปที่หลุมฝังศพ ปรากฏว่าไม่มีร่างท่าน พวกเขาเชื่อว่าพระเยซูคืนพระชนม์และขึ้นสวรรค์ เรียก “เรสเซอเร็กท์ชั่น” (resurrection) วันนี้เรียก วัน “อีสเต้อร์” หรือ “อีสเต้อร์ ซันเดย์” ( Easter Sunday) ซึ่งจะตรงกับวันอาทิตย์ทุกปี บางตำรากล่าวว่า 3 วัน ฉะนั้นบางครั้งคุณอาจจะได้ยิน “อีสเต้อร์ มันเดย์” ( Easter Monday)

ในวัน “แอ๊ช เว๊นส์เดย์” ชาวคริสเตียนที่เคร่ง จะไปโบสถ์ ฟังสวด และบาทหลวงจะเจิมขี้เถ้าให้ที่หน้าผาก (ดูรูป) ขี้เถ้าสัญลักษณ์ไม้กางเขน ที่ใช้ขี้เถ้า คือตามพระคัมภีร์กล่าวว่า ขี้เถ้ามาจากการเผาใบปาล์มของวัน “ปาล์ม ซันเดย์” เหตุผลที่ใช้ขี้เถ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่เตือนว่า มนุษย์ ก็มาจากขี้เถ้า เมื่อตายเราก็กลายเป็นขี้เถ้า “Remember, Man is dust, and unto dust you shall return.”

“แอ๊ช เว๊นส์เดย์” ผู้ที่เคร่งศาสนา อาจจะกินเจคือไม่ทานเนื้อสัตว์ ในช่วง “เล๊นท์” ทั้ง 46 วัน บางคนก็ตั้งใจสละหรือละทิ้งสิ่งไม่ดีที่เป็นอบายมุข เช่น เลิกบุหรี่ ดื่มเหล้า เพื่อรำลึกถึงพระเยซูที่ท่านสละชีวิตเพื่อลบบาปของพวกเขา

ส่วนที่มาของคำ “อีสเต้อร์” มาจากหลายสายแล้วแต่ประเทศใดจะตีความหมาย ดิฉันเลือกอันที่ดิฉันชอบมากที่สุดคือ รากศัพท์คำว “อีสเต้อร์”มาจากเทพเจ้าหญิงชื่อ เอ็สเต้อร์ สะกด “Eostre” เป็นเทพเจ้าที่บูชากันในฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ถือเป็นเทพเจ้าแห่งผลิตผล

เริ่มตั้งแต่วัน“แอ๊ช เว๊นส์เดย์” สามีดิฉันจะไม่ทานเนื้อ ทุกวันพุธและวันศุกร์ ไปจนกระทั่งถึงวันอีสเต้อร์(สามีเป็นคาทอลิค) ปกติทุกวันศุกร์บ้านเราจะกินปลาดิบซึ่งเราจะซื้อปลาดิบสดมาจากตลาดญี่ปุ่น คราวนี้ได้กินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง 😀
วัน “อีสเต้อร์” ถือเป็นวันออกศีล เป็นวันที่คนจะฉลองทานอาหารมื้อใหญ่ วันที่ 14 เมษา 2 วันหลังอีสเต้อร์ ครอบครัวดิฉันจะไปเมือง นาซาเรสท์ (Nazareth) ประเทศอิสราเอล บ้านเกิดสามี นาซาเรสท์ เป็นเมืองที่พระเยซูเติบโตมา ที่บ้านสามีจะฉลองกันหลายวันหลังอีสเต้อร์ ญาติพี่น้องจะเวียนไปเยี่ยมกัน ดิฉันคงน้ำหนักขึ้นกลับมา

Happy Birthday ผู้ที่เกิด 29 กุมภานะคะ วัน “ลีพ เดย์” (Leap Day) ผู้เกิดวันที่ 29 ก.พ. จะเรียก “อะ ลีพเปอร์” (a Leaper) ตามกฎหมายให้นับวันที่ 28 เป็นครบรอบปีวันเกิดในปีที่มี 365 วัน ที่ต้องมีกฎนี้เพื่อให้เป็นมาตรฐาน (ไม่งั้นคนที่ไม่อยากแก่ก็จะนับครบรอบวันเกิดทุก 4 ปี (คือทุก 4 ปีอายุเพิ่มปีเดียว)

วิธีขอใบเขียวให้ลูกได้เร็วที่สุด

ประกาศ คุณสามารถติดต่อดิฉันได้ทางโทรศัพท์ และอีเมล์เท่านั้น โทร 714-994-5958 ไลน์เมืองไทย 0817212967 และอีเมล์ attorneyruji@aol.com ดิฉันได้ยกเลิกตู้จดหมาย ไม่มีการส่งทางไปรษณีย์แล้วนะคะ

แฮ็ปปี้ วาเล็นไทน์ (Happy Valentine) 14 กุมภา วันแห่งความรักนี้นะคะ ดิฉันรู้จักวันวาเลนไทน์ครั้งแรกตอนทีนเอจ มีหนุ่ม ร.ร. เซ็นกาเบรียลมาดักรอดิฉันหน้าราชินีบนอยู่หลายเดือน วันวาเลนไทน์เขาให้การ์ดวาเลนไทน์ดิฉัน เป็นงงไม่รู้ว่า “วาเลนไทน์” คืออะไร นักเรียน ร.ร. ไทยยอดเชย นึกทึ่งนักเรียน ร.ร. คริสเตียนมากตอนนั้น 555 ขอเล่าที่มาของวันวาเล็นไทน์ จะได้รู้ที่มาที่ไปไม่ซื่อบื้อเหมือนดิฉัน

ราวศตวรรษที่ 3 สมัยกษัตริย์โรมันเอ็มไพร์ชื่อ กษัตริย์คลาวเดียที่สาม (Claudia III) เป็นกษัตริย์ที่ไฝ่อำนาจและต้องการขยายดินแดนให้มากที่สุด ท่านได้เกณท์ทหารชายหนุ่มไปรบ กษัตริย์กลัวว่าชายหนุ่มไม่อยากไปรบหรือใจเขวถ้ามีความรัก ท่านจึงออกกฎห้ามไม่ให้ชายหนุ่มแต่งงาน มีนักบุญชื่อ เซ๊นท์ วาเล็นไทน์ (Saint Valentine) ท่านไม่เห็นด้วยและต่อต้านกฎหมายนี้ ท่านแอบทำพิธีสมรสลับให้คู่หนุ่มสาวๆ คู่หนุ่มสาวที่ท่านได้ทำพิธีสมรสให้ ได้ส่งจดหมายมาขอบคุณท่านมากมาย ภายหลังกษัตริย์รู้เข้า ท่านให้จับ เซ๊นท์ วาเล็นไทน์ เข้าคุก ระหว่างอยู่ในคุก เซ๊นท์ วาเล็นไทน์ หลงรักลูกสาวนักโทษผู้หนึ่ง ก่อนวันประหารท่านได้แอบส่งจดหมายสารภาพรักให้ลูกสาวนักโทษ ท่านลงท้ายจดหมายว่า จาก “วาเล็นไทน์ของเธอ” “From your Valentine” ท่านถูกประหารชีวิตวันที่ 14 กุมภา “From your Valentine” ได้กลายเป็นประโยคใช้ลงท้ายการ์ดวาเล็นไทน์มาถึงปัจจุบัน โรแมนติค!!

เข้าเรื่องอิมมิเกรชั่นเลยนะคะ หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าพ่อหรือแม่ที่ถือใบเขียวต้องรอให้เป็นซิติเซ่นก่อน จึงจะยื่นเรื่องแอ็พพลายใบเขียวให้ลูกที่อายุเกิน 21 ปีได้เร็ว เมื่อหลายๆปีมาแล้วใช่ค่ะ แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม ถึงแม้คุณเพียงถือใบเขียวคุณสามารถแอ็พพลายใบเขียวให้ลูกได้ทันที และจะได้เร็วกว่ารอเป็นซิติเซ่น

ระบบโควต้า

ก่อนอื่นมาเข้าใจระบบโควต้าครอบครัวก่อน อิมมิเกรชั่นแบ่งกรุ๊บใบเขียวครอบครัวเป็น 5 กรุ๊บเรียก “กรุ๊บ เพร็ฟเฟอเร็นซ์” (Group Preference) รัฐบาลจัดจำนวนใบเขียวที่ออกให้แต่ละปีของแต่ละกรุ๊บ ถ้ากรุ๊บไหนคนขอมากกว่าจำนวนที่กำหนด ก็จะไปโปะรวมกับปีต่อไป ฉะนั้นระยะรอโควต้าแต่ละกรุ๊บจึงไม่เท่ากัน ข้อเตือน โควต้าขยับช้าหรือเร็วขึ้นได้ขึ้นกับคนขอใบเขียวมากน้อยแค่ไหน ข้อมูลฉบับนี้เขียนตามโควต้าปัจจุบัน

กรุ๊บ “เพร็ฟเฟอเร็นซ์” (Preference)

กรุ๊บ 1st ซิติเซ่นแอ็พพลายใบเขียวให้ลูกอายุเกิน 21 ปีไม่แต่งงานหรือหย่า ระยะเวลารอ 6 ½ ปี ถ้ามีเด็ก (ลูก) อายุต่ำกว่า 21 ปีตอนโควต้ามาถึง เด็กจะได้ใบเขียวพ่วงไปด้วย

กรุ๊บ 2A ผู้ถือใบเขียวแอ็พพลายใบเขียวให้คู่สมรส และลูกอายุต่ำกว่า 21 ปีไม่แต่งงานหรือหย่า กรุ๊บนี้ปัจจุบันโควต้า “เคอเร๊นท์” (current “C”) โควต้าเหลือไม่ต้องรอ ถ้าคู่สมรสมีลูกอายุต่ำกว่า 21 ปี เด็กจะได้ใบเขียวพ่วงมาด้วย

กรุ๊บ 2B ผู้ถือใบเขียวแอ็พพลายใบเขียวให้ลูกอายุเกิน 21 ปีไม่แต่งงานหรือหย่า ระยะเวลารอ 5 ½ ปี ถ้ามีเด็ก (ลูก) อายุต่ำกว่า 21 ปีตอนโควต้ามาถึง เด็กจะได้ใบเขียวพ่วงมาด้วย

กรุ๊บ 3rd ซิติเซ่นแอ็พพลายใบเขียวให้ลูกอายุเกิน 21 ปีแต่งงานแล้ว ระยะเวลารอ 12 ปี คู่สมรสและลูกอายุต่ำกว่า 21 ปีตอนโควต้ามาถึง เด็กจะได้ใบเขียวพ่วงมาด้วย

กรุ๊บ 4th ซิติเซ่นแอ็พพลายใบเขียวพี่ น้อง อาจเป็นพี่ น้องคนละพ่อ หรือคนละแม่ได้ ระยะเวลารอ 13 ปี คู่สมรสของพี่หรือน้องและลูกอายุต่ำกว่า 21 ปีตอนโควต้ามาถึง เด็กจะได้ใบเขียวพ่วงมาด้วย

State Department Visa Bulletin February 2020 FINAL ACTION DATES

วิธีอ่านคือ ช่องแรกคือ กรุ๊บเพร็ฟเฟอเร็นซ์ ตามที่อธิบายข้างต้น ของไทยดูช่อง World หมายถึงทุกประเทศ นอกจากจีน อินเดีย เม็กซิโกและฟิลิปปีนส์ ตัวอย่างวันที่ ของกรุ๊บ 2B เขียน 8-22-2014 หมายถึงว่าตอนนี้ เคสที่ยื่นเข้าระบบ ก่อนหน้า 22 สิงหาคม 2014 โควต้ามาถึงแล้ว วีซ่าเซ็นเต้อร์จะส่จดหมายหรือส่งออนไลน์ให้รายละเอียดว่าคุณต้องดำเนินอะไรขั้นต่อไป

คุณเช็ดเวลาโควต้าได้ที่ www.travel.state.gov Visa Bulletin กรุ๊บ Family Preference

เคสตัวอย่าง

แม่พึ่งได้ใบเขียวจากลูกซิติเซ่น แม่ต้องการเอาลูกชาย ซึ่งเขามีลูก 2 คน อายุ 10 และ 12 ปี ลูกชายจดทะเบียนแล้ว มีวิธีที่จะเอาลูกชายและครอบครัวมาได้เร็วที่สุด

วิธีที่เร็วที่สุด

ตามเคสตัวอย่าง วิธีที่เร็วที่สุดคือ แม่ยื่นขอใบเขียวให้ลูกชายทันทีภายใต้กรุ๊บ 2B (ข้างต้น) แต่เนื่องจากกรุ๊บนี้ลูกต้องไม่แต่งงานหรือหย่า ฉะนั้นลูกชายต้องไปหย่าภรรยาก่อน หย่าเสร็จแม่ยื่นเรื่องขอใบเขียวให้ลูกชาย โควต้ารอประมาณ 5-6 ปี เมื่อโควต้ามาถึงเด็ก(หลาน)ก็จะอายุ 15½ และ 17½ ปี ใช้เวลาดำเนินเรื่องต่อที่สถานทูตประมาณ 6-10 เดือน เมื่อพ่อและลูกเดินเข้าอเมริกาและได้ใบเขียวเรียบร้อย ถ้าลูกชายต้องการเอาภรรยาที่หย่ามา เขาต้องเดินกลับไปไทยจดทะเบียนและจึงแอ็พพลายใบเขียวให้ภรรยาในกรุ๊บ F2A ซึ่งกรณีโควต้า “เคอเร๊นท์” ภรรยาน่าจะได้ใบเขียว ภายใน 1 ปี

วิธีที่สอง

ตามเคสตัวอย่าง ถ้าแม่รอทำซิติเซ่นได้ก่อนและจึงยื่นเรื่องให้ลูกชายในกรุ๊บ F-3 ลูกแต่งงานแล้วของซิติเซ่น(ข้างต้น) โควต้ารอประมาณ 12 ปี ปัญหาคือแม่ต้องถือใบเขียว 5 ปีก่อนยื่นเรื่องขอซิติเซ่นได้ และกว่าจะดำเนินเรื่องซิติเซ่นเสร็จได้สาบานตนใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน รวมเวลาทั้งสิ้น 18 ปี เด็กก็อายุเกิน 21 ปี เรียก “เอจ เอ๊าท์” (age out) เด็กก็จะไม่ได้ใบเขียวพร้อมพ่อแม่

สมมติต่อ เมื่อพ่อได้ใบเขียว พ่อสามารถแอ็พพลายใบเขียวให้ลูกอายุเกิน 21 ปีไม่สมรสได้ในกรุ๊บ 2B ใช้เวลารอประมาณ 5-6 ปี ก็ลองคำนวนเวลาเองแล้วกันนะคะ

สวัสดีปีใหม่ปี 2020

สวัสดีปีใหม่ปี“ทเว็นตี้ ทเว็นตี้” ค่ะ ปีนี้เลขสวย “ยี่สิบ ยี่สิบ” วิธีแปลงปีพุทธศักราชเป็นคริสต์ศักราช คือเอา ปี พ.ศ. ลบด้วยนัมเบอร์ 543 ก็จะได้ปี ค.ศ. (2563-543 =2020) ดิฉันขออวยพรแฟนๆคอลัมน์ ความสุข สุขภาพดี และฉลาดคิดในสิ่งดีๆ นะคะ (happy, healthy and wise) ปีนี้เป็นปีอธิกสุรทิน หรือ “ลี๊พ เยียร์” (Leap year) คือมี 366 วัน เดือนกุมภามี 29 วัน ถ้าคุณยังไม่ได้ดูหนังเรื่อง The leap year แนะนำให้ดูนะคะสนุก เป็นหนังประเภท “ตลกโรแมนติค” (Romantic Comedy โรแมนติค คอเมดี้) เรียกย่อๆว่า “รอม คอม” (Rom com) นางเอก Amy Adam พระเอก Matthew Goode น่ารักทั้งคู่ กิฉันชอบประเทศไอร์แลนด์ หนังถ่ายที่นั้น

วิธีลงวันที่ ด้วยปี 2020
ข้อแนะนำวิธีลงวันที่ปี 2020 เวลาเขียนเช็ค กรอกฟอร์ม หรือลงวันที่บนเอกสารอังกฤษ แนะนำให้เขียนปีเต็ม 2020 ไม่ย่อเขียนเพียง 20 เฉยๆ ตัวอย่าง วันที่ 5 มกราคม ปี 2020 ให้เขียน 1/5/2020 อย่าเขียน 1/5/20 เพราะไม่ปลอดภัยคนหรือพวกมิจฉาชีพอาจจะไปเติมตัวเลขหลังเลข 20 ก็ได้ จาก 1/5/20 เป็น 1/5/2019 ตอนเรียนทนายเราต้องลงวันที่เอกสารเต็มยศเพื่อไม่มีการเข้าใจผิด โดยเติม 0 ข้างหน้าวันที่และเดือนถ้าเป็นตัวเลขเดี่ยว ตัวอย่าง 01/05/2020 ในอเมริกาเราเขียนวันที่ โดยเริ่มด้วยเดือน วันที่ และปี แต่ในเมืองไทยลงวันที่ เริ่มด้วยวันที่ เดือน และปี ฉะนั้นอีกวิธีที่เขียนไม่ให้เข้าใจผิดกันคือ เขียนเดือนเป็นตัวหนังสืออย่าเขียนตัวเลขคือ 5 January 2020 หรือ January 5, 2020

20/20
คำว่า “ทเว็นตี้ ทเว็นตี้” 20/20 ใช้ในอเมริกา มีความหมายอีกอย่างคือ คนที่มีสายตาปกติจะถือว่ามี “ทเว็นตี้ ทเว็นตี้ วิชั่น (ภาษาหมอเรียก VA 20/20) VA ย่อมาจาก Visual Acuity ส่วนตัวเลข 20 เป็นหน่วยการวัดสายตา เป็นระยะที่คุณยืนห่างจากชาร์จตัวอักษรที่อ่าน ระยะความห่าง 20 ฟุต เท่ากับ 6 เมตร ของไทย เราใช้หน่วยฉะนั้นะเรียก VA 6/6 พูดเรื่องคำ “ทเว็นตี้ ทเว็นตี้” ดิฉันยังจำได้ว่าหลายปีมาแล้ว ตอนดิฉันประมาณ มีรายการสารคดีใหม่ 1 ชั่วโมงช่อง 7 ดังมากชื่อ 20 20 เริ่มปี 1978 ดิฉันไปเดทกับเพื่อนชายไทย เราคุยกันเรื่องรายการสารคดีนี้ เพื่อนชายถามดิฉันว่ารู้ไหมว่า 20/20 คืออะไร ดิฉันตอบว่า คนที่สายตาปกติเรียกว่ามี 20/20 วิชั่น เขามองดิฉันด้วยความทึ่ง และพูดว่า “คุณเป็นผู้หญิงฉลาด เพราะเป็นผู้หญิงคนแรกที่รู้คำตอบ??”

เป็นผู้หญิงฉลาด
คุณสังเกตุไหมว่าเวลาผู้ชายชมหรือพูดถึงผู้หญิงว่าฉลาด มักไม่พูดเฉยๆว่า คุณฉลาด แต่จะพูดว่าคุณเป็นผู้หญิงฉลาด ดิฉันมีความรู้สึกว่า ผู้หญิงต้องพิสูจน์ตนเองว่าฉลาด ส่วนผู้ชายเหมือนเกิดมาก็ฉลาดอยู่แล้ว
อีกครั้งที่จำได้ ตอนดิฉันสอบ“บาร์”ผ่านและพึ่งเป็นทนายความใหม่ๆ มีทนายความชายไทยรุ่นพี่ได้โทรมาแสดงความยินดีกับดิฉันและชมว่า “ดิฉันเป็นผู้หญิงฉลาดและเก่ง เพราะสอบบาร์ผ่านไม่ใช่เรื่องง่าย”

ปีใหม่มาหาความรู้เพิ่มกันเถอะ


ข้อแนะนำปีใหม่นี้ค่ะ สำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะคุณพึ่งมาถึงอเมริกาใหม่ๆ โปรดเช็คโรงรียนผู้ใหญ่ เรียก “อดั๊ลท์ สกูล” (Adult School) เป็นโรงเรียน สปอนเซ่อร์โดยกระทรวงศึกษา ค่าเล่าเรียนถูกมากๆ มีคอร์สสอนภาษาอังกฤษ เรียก English as a second language (ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง คือไม่ใช่ภาษาแม่) และสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่จบไฮสกูล แต่ยังมีคอร์สวิชาชีพอื่นๆอีกมาก เช่น การทำอาหาร เรียนจัดดอกไม้ วิธีใช้คอม โซเชียลมีเดีย และไปถึงอาชีพที่ได้ประกาศนียบัตร เช่น ผู้ช่วยหมอฟัน และพยาบาล เป็นต้น กูเกิ้ลหา Adult schools near me หรือใส่ชื่อเมืองที่คุณอยู่
บ่อเกิดของโรงเรียนผู้ใหญ่คือ เกิดในประเทศอังกฤษปี ค.ศ. 1798 นายแซมมิวล ฟอกซ์ Samuel Fox เป็นผู้ช่วยเหลือคนยากไร้ และชอบทำงานการกุศล นาย Fox ไปขอให้ทางโบลถ์เปิดโรงเรียนสอนผู้หญิง(ผู้ใหญ่)วันอาทิตย์ สมัยโน้นผู้หญิงสามัญชนไม่มีโอกาสได้เรียน เริ่มจากเปิดที่โบสถ์โดยขอให้พวกคนงานที่ตลาด มาสอนหนังสือฟรีวันอาทิตย์ตอนเช้า 2 ชั่วโมง เมื่อสอนเสร็จมีข้าวเช้าให้ทานฟรี หลังจากนั้นโรงเรียนก็ขยายไปเรื่อย ภายหลังเปิดรับผู้ชายเรียน
ตอนดิฉันมาอเมริกาใหม่ๆด้วยวีซ่านักเรียน ดิฉันก็ไปเรียนที่ Adult School หนึ่งเทอมก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิด ดิฉันได้ภาษาพูดขึ้นมาเยอะ จำได้ว่าตอนมาใหม่ๆ รู้จักคำศัพท์คำ “mad” แปลว่า “บ้า” แต่ไม่รู้ว่า mad แปลว่า “โกรธ” ก็ได้ รู้จากเพื่อนต่างชาติที่เรียนด้วยกัน เธอพูดว่า I am mad. ดิฉันงงว่าทำไมเธอพูดว่า “ตัวเองเป็นบ้า” 55555 อเมริกาให้โอกาสทุกคนมาก ถ้าคุณจะขวนขวายกอบโกยโอกาสนี้ ความรู้และความฉลาดก็จะเป็นของคุณ


ปัจจุบันดิฉันยังไปเรียนโรงเรียน Adult School ใกล้บ้านเลยค่ะ เรียนภาษา “สเปน” เรียนมา 3 ปีแล้วค่ะ มกรานี้เข้าปีที่ 4 ตอนนี้พูด Spanish พอได้เยอะแล้วค่ะ

คุณพ่อ

คอลัมน์เดือนธันวานี้ส่งท้ายปีเก่าด้วยคอลัมน์เบาสมอง ออกคอลัมน์เร็ว เพราะดิฉันเดินทางไปไทย 19 พ.ย. นี้ 1 เดือน  เดือนธันวาเป็นวันพ่อคุณพ่อดิฉันเกิด 19 ธันวา คอลัมน์นี้เขียนสดุดีคุณพ่อ ท่านเป็นปูชณียบุคคลของดิฉัน

หลังคุณพ่อเสียดิฉันไปเก็บสมบัติที่โต๊ะทำงานท่าน ได้เจอหนังสือที่คุณพ่อเขียน “ปทานุกรม ผ้าไทย” (หลังเกษียรจากสภาพัฒฯท่านทำงานกับคุณประมาณ “นายกฯ” สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย) และยังเจอนิทานอ่านเล่น ซึ่งเก่ามากเพราะปกกรอบและใช้ภาษาไทยรุ่นเก่าชื่อเรื่อง “ล่องหน ออฟ ไทยแลนด์” ทึ่งที่ท่านเขียนได้ทั้หนังสือด้านวิชาการและหนังสืออ่านเล่น และมีมุขตลกแต่ละแบบ อ่านไปหัวเราะไป ยังนึกว่าดิฉันได้เลือดการเขียนและอ่านมาจากคุณพ่อ เพราะคุณแม่ไม่ชอบเขียนไม่ชอบอ่าน  แต่ท่านเก่งด้านอสังหาซื้อขายที่ดิน คำสอนที่ดิฉันได้มาจากคุณแม่คือ“ขายหนึ่งซื้อสอง”  นึกขอบคุณพระเจ้าที่ดิฉันได้รับส่วนดีที่สุดของแต่ละท่านมา ถ้าเกิดได้สลับกันคงไม่มีคอลัมน์กฎหมายนี้J ลงคลิปหนังสือให้คุณได้หัวเราะกันค่ะ 😁

“คอลัมน์ หัดอ่านหัดคิด” ดิฉันเขียนอุทิศให้คุณพ่อในคอลัมน์กฎหมายปีแรก ค.ศ. 1995

หัดอ่านหัดคิด

ตอนดิฉันอายุ 7 ขวบครอบครัวเราพึ่งจะย้ายจากราชบุรี(บ้านเกิด)เข้ากรุงเทพ คุณพ่อจะขับรถไปกลับระหว่างกรุงเทพและราชบุรีอยู่หลายเดือน ทุกครั้งจะต้องเอาดิฉันนั่งรถติดไปด้วย ระหว่างนั่งรถคุณพ่อก็จะให้ดิฉันนั่งนับสะพานไปเรื่อย พอเบื่อนับคุณพ่อก็บอกให้ดิฉันอ่านทุกอย่างที่เห็น ดิฉันถามว่าอ่านไปทำไมคะ คุณพ่อหันมาทำตาเขียวบอก “ปั้ทโธ่ โว๊ย” ดิฉันกลัวเลยอ่านใหญ่ มันคงจะติดการอ่านมาถึงเดี๋ยวนี้ 

ฟรีเวย์ในรัฐหรือระหว่างรัฐ

เวลาดิฉันขับรถไปใหนเห็นอะไรก็มักจะอ่านและคิดไปเรื่อย คุณเคยอ่านป้ายบนทางด่วนหรือ “ฟรีเวย์” (Freeway) แล้วสงสัยบ้างใหมว่าทำไมบางป้ายมี I อยู่ข้างหน้าเช่น I-5, I-10 หรือ I-15 และบางป้ายไม่มีเช่น“ฟรีเวย์” 91, 55 หรือ 57 หรือ นัมเบอร์ฟรีเวย์ทำไมลงท้ายด้วยเลขคู่หรือเลขคี่  และแม้กระทั่งป้ายที่มีนัมเบอร์ฟรีเวย์ก็ไม่เหมือนกัน 

I ย่อมาจาก “อินเตอร์เสตท” (Interstate) แปลว่าระหว่างรัฐ เช่น I-5, I-10, I-15 เป็น Interstate freeway คือฟรีเวย์เชื่อมยาวไปถึงรัฐอื่น แต่ฟรีเวย์ที่ไม่มี I อยู่ข้างหน้าเช่น 91, 57, 55 เป็นฟรีเวย์ในรัฐเท่านั้น และเลขคู่หรือเลขคี่ลงท้ายนัมเบอร์ Interstate freeway ก็มีความหมายคือถ้าเลขลงท้ายด้วยเลขคู่เช่น I-10 แปลว่าทางไปตะวันออกหรือตะวันตก แต่ถ้าเป็นเลขคี่เช่น I-5 แปลว่าทางไปเหนือหรือใต้ ตัวรูปโล่ห์สีฟ้ามีขอบสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของ Interstate freeway

สิทธิในการเดินทาง

ฟรีเวย์ในรัฐเป็นเงินของรัฐ แต่ Interstate freeway เงินส่วนใหญ่ได้มาจากรัฐบาลกลาง Federal funds มาสร้างถนนเพื่อเชื่อมรัฐ ตามสิทธิเบื้องต้นหรือ “ฟันดาเม็นทัล ไร๊ท์ส” (Fundamental rights) ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญว่าพลเมืองสหรัฐมีสิทธิเดินทางไปทุกหนทุกแห่งในสหรัฐเรียกว่า สิทธิในการเดินทาง หรือ “ไร๊ทส์ ทู เทรเวิล” (Rights to Travel) เมื่อสองศตวรรษก่อนโน้นที่รัฐต่างๆยังไม่รวมตัวกันเป็นสหรัฐ (United States) เวลาพลเมืองแต่ละรัฐจะเดินทางเข้ารัฐอื่นจะต้องผ่านด่านและเสียเงิน

พลเมืองของรัฐและรัฐบาลกลาง

ในรัฐธรรมนูญสหรัฐระบุว่าคนอเมริกันมีสองสัญชาติ หรือ“สองซิติเซ่นชิป” คือซิติเซ่นของรัฐที่อาศัยอยู่และซิติเซ่นของสหรัฐ คุณถึงต้องเสียภาษีให้ทั้งรัฐและรัฐบาลกลาง สิ่งที่คุณได้รับตอบแทนคือคุณมีสิทธิใช้สวัสดิการต่างๆของรัฐและรัฐบาลกลางรวมทั้งคุณอยู่ภายใต้กฏหมายรัฐและรัฐบาลกลางควบคู่กันไป  

ศาลของรัฐหรือศาลรัฐบาลกลาง

ในรัฐแต่ละรัฐจะมีทั้งศาลของรัฐ “สเตท คอร์ทส” (State Courts) และศาลของรัฐบาลกลาง “เฟ็ดเดอรัล คอร์ทส” (Federal Courts) อย่างเช่นในลอสแอนเจลิส ศาล 2 ศาลอยู่ถนนเดียวกัน เวลาคุณมีคดีคุณจะขึ้นศาลใหนขึ้นอยู่กับว่าโจทก์และจำเลยเป็นใคร อยู่ที่ใหน ซูข้อกล่าวหาอะไรและค่าเสียหายเท่าไร  

การขัดกันระหว่างกฏหมาย

กฏหมายรัฐบาลกลางและกฏหมายของรัฐบางทีก็ขัดกัน ตัวอย่างเช่น บรรทัดฐานกฏหมายบางทีอาจจะอ่อนหรือเข้มงวดมากกว่ากัน เช่นกฏ FDA “ฟู๊ด แอน ดรั๊ก แอ๊ดมินิสเตรชั่น” (Food and Drug Administration) หรือ อ.ย. บังคับให้เขียนป้ายฉลากยาหรือบุหรี่อาจจะอ่อนกว่า แต่กฏหมายของรัฐอาจจะเข้มงวดมากกว่า ฉะนั้นจึงมักเป็นปัญหาต่อโรงงานผู้ผลิตที่ว่าจะต้องเขียนฉลากตามกฏหมายแต่ละรัฐหรือไม่ ในเมื่อเขาต้องส่งสินค้าขายทั่วประเทศ คุณคงได้ยินคดีที่ผู้คนกำลังซูโรงงานผลิตบุหรี่ว่าฉลากคำเตือนเมื่อ 20 ปีที่แล้วระบุว่าการสูบบุหรี่อาจเป็นภัยต่อสุขภาพนั้นไม่พอ เขาควรจะเตือนว่าอาจทำให้เป็นมะเร็ง โรงงานบุหรี่เถียงว่าฉลากเตือนนั้นพอเพียงตามกฏหมายรัฐบาลกลาง ฉะนั้นเขาไม่ควรผิด 

บทความนี้อุทิศให้คุณพ่อ

ตอนคุณพ่อมีชีวิตอยู่ดิฉันเคยพยายามชวนคุณพ่อมาเที่ยวอเมริกา คุณพ่อจะพูดว่าอเมริกาไม่เห็นมีอะไรมีแต่ฟรีเวย์ (คุณพ่อดิฉันเรียนจบญี่ปุ่นและอเมริกา) และดิฉันคิดถึงเรื่องบุหรี่เพราะตอนดิฉันเด็กๆ  พี่น้อง 5 คนจะนั่งบนโต๊ะอาหารทุกคืนวันเสาร์เพื่อนั่งมวนบุหรี่ให้คุณพ่อ คุณพ่อเป็นคนบรรจุเข้ากล่องพลาสติกหมูแผ่น คุณพ่อประหยัดแม้กระทั่งพับซองบุหรี่เองจากกระดาษปฏิทินญี่ปุ่นเก่าๆที่ทางสมาคมนักเรียนญี่ปุ่นส่งมาให้ท่านทุกปี เวลาพ่อไปเล่นกอล์ฟ เพื่อนๆเห็นซองและบุหรี่ ก็จะถามท่านว่าสูบบุหรี่ยี่ห้ออะไร คุณพ่อจะตอบว่ายี่ห้อ “เม็งอวน” 😁

คติพจน์ข้างล่างนี้เป็นคติพจน์ที่คุณพ่อแต่งและเขียนบนด้านหลังการ์ดแต่งงานปี 1966 (พ.ศ.2509) ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะที่ทำงานท่าน ดิฉันรักกลอนมากซึ่งมันอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับกฏหมายขึ้นอยู่กับคุณ

การทำดี  แม้ไม่มี  ผู้ใดเห็น

แต่ก็เป็น  คุณธรรม  ล้ำสรรเสริญ

สักวันหนึ่ง  คนจะเห็น  เด่นเจริญ

ถึงจะเนิ่น  ก็เกินค่า  กว่าไม่ทำ

ท่าน Blackstone นักนิติศาสตร์ชาวอังกฤษได้นิยามกฏหมายว่า กฏหมายคือระเบียบความประพฤติของปวงชน ซึ่งผู้มีอำนาจสูงสุดของรัฐเป็นผู้ออกเพื่อบังคับให้ทำในสิ่งที่ถูก และห้ามในสิ่งที่ผิด”

 “ปทานุกรม ผ้าไทย”

“ผ้าขาวม้า”

ผ้าขาวม้า    ผ้าฝ้ายเอนกประสงค์ มาตรฐานกว้าง 75 เซนต์ ยาว 190 เซนต์ ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สมัยก่อนย้อมสีแดงทั้งผืนเป็นส่วนมาก ปัจจุบันมักทอเป็นผ้าตาคล้ายตาสก๊อต ด้ายที่ใช้ทอมักใช้ด้าย 2 สี เช่น เขียวกับขาว เขียวกับดำ แดงกับขาว แดงกับดำ ขาวกับดำ เป็นต้น

ไทยเราใช้ผ้าขาวม้ามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่ลักษณะเป็นผ้าเคียนพุง ซึ่งเล็กกว่าผ้าขาวม้า ต่อมาเมื่อเห็นเขมรใช้ผ้าขาวม้า ผืนใหญ่ ก็เลยเอาแบบอย่างบ้าง

เวลาทำงาน ไปไหนมาไหน ก็ใช้เคียนพุง หนาวก็ใช้ห่ม ร้อนก็ใช้สุมไว้บนหัวเพื่อกันแดด เวลาอาบน้ำก็ใช้เป็นผ้าผลัด เวลาว่ายน้ำก็ใช้นุ่งโจงกระเบนแทนกางเกงอาบน้ำ จะนอนก็ใช้ปูนอน ทำเป็นเปลไกวสำหรับเด็กนอนก็ได้หรือใช้ทำเปลสำหรับผู้ใหญ่ก็ยังไหว เมื่อเข้าหาผู้ใหญ่ก็ห่มพาดไหล่ซ้ายซึ่งถือว่าเป็นการสุภาพ เวลาเกี้ยวสาวก็ใช้พาดไหล่ทั้งสองข้าง เวลาใช้เป็นผ้ากราบ ก็เอามาคาดที่ใต้ราวนมผูกเป็นเงื่อนไว้ด้านหน้าปล่อยชาย แล้ววางชายผ้าบนพื้น ก้มลงกราบชายผ้า เป็นเชือกผูกของหนักก็ได้ เวลาหมดอาลัยตายอยาก ใช้เป็นเชือกผูกคอตายก็ได้ เมื่อตำรวจจับผู้ร้าย ใช้ผ้าขาวม้า มัดต้นแขนทั้ง 2 ข้างทางด้านหลังให้ชิดกันแน่นจนผู้ร้ายอกแอ่น เรียกว่ามัดเบอร์หนึ่ง ซึ่งดีกว่าใช้กุญแจมือมาก สำหรับผู้หญิง ใช้พันรอบตัวปิดหน้าอก ยกชายขึ้นพาดบนบ่าขวา

แหล่งผลิตผ้าขาวม้าสีไม่ตก ที่มีชื่อเสียงมากสุด คือที่ตำบลบ้านไร่ อำเภอเมือง จ.ว. ราชบุรี ผ้าผลิตที่นี่จึงมีชื่อเรียกว่า “ผ้าขาวม้าบ้านไร่” แหล่งอื่นที่ผลิตผ้าขาวม้า ก็มักติดตราตัวหนังสือ “ผ้าขาวม้าบ้านไร่” บนผ้าของตนบ้างเป็นการเลียนชื่อเสียง

“ล่องหน ออฟไทยแลนด์”

โปรดอ่านเสียก่อน

ท่านที่เคารพ   หนังสือเล่มนี้มีไว้เพื่อให้ทุกท่านมีโอกาสอ่านทั่วถึงกันในยามว่าง เช่นเวลาหยู่เวน เปนต้น แต่ในครั้งก่อนๆเมื่อทำหนังสือทำนองนี้มาให้ท่านอ่าน มีบางท่านที่มีนิสสัยมักได้ ได้ยึดถือกัมสิทธิในหนังสือนั้นไปแล้ว รวมทั้งหมด 5 เล่มด้วยกัน ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจหย่างยิ่ง ฉะนั้นในครั้งนี้ เมื่อได้นำหนังสือเล่มนี้มาเสนอท่านอีกครั้งหนึ่ง จึงขอความกรุนาจากท่านวัธนชนทั้งหลายได้ช่วยกันรักสาหนังสือเล่มนี้ไห้คงหยู่ประจำที่นี่เสมอไป เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ถ้าทุกท่านได้ร่วมมือกันและปติบัติตามคำขอร้องนี้แล้ว ก็หวังได้ว่า จะมีหนังสือชนิดนี้ทะยอยมาทำความบันเทิงไห้แก่ท่านหยู่เรื่อยๆไป หวังความกรุนาของท่านทุกท่านเปนที่พึ่งด้วย

กลอนสาปแช่งหน้าสุดท้าย 

ใครยืมเราอ่านแล้ว          ไม่คืน

อายุจงหย่ายืน                            อยู่ได้

หากใครไม่ฟังขืน                      ยักยอก

บาปเมื่อตายขอให้                     สู่เบื้องอบายภูมิ

กฎภาระสังคมถูกระงับชั่วคราว

ประกาศ “กฎภาระสังคม” (โปรดอ่าน 2 คอลัมน์ก่อนหน้านี้) ที่จะมีผลบังคับใช้ 15 ตุลาคมนี้ ถูกศาลรัฐบาลกลาง 3 แห่งรัฐนิวยอร์ค รัฐคาลิฟอร์เนีย และ รัฐวอชิงตัน บล็อค “กฎภาระสังคม” คือตอนนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ ฉะนั้นการทำใบเขียวหรือทำซิติเซ่นทุกอย่างเหมือนเดิค่ะ ตอนนี้ก็ต้องรอดูไปว่ารัฐบาล “ทรัมพ์” จะเอาไงต่อไป


คำตัดสินของผู้พิพากษา
ดิฉันอ่านคำตัดสินของ 1 ใน 3 ของท่านผู้พิพากษา ผู้พิพากษา “จ๊อร์จ แดเนียลส์” (George Daniels) แห่งศาลรัฐบาลกลางรัฐนิวยอร์ค ท่านเขียนคำตัดสินที่กินใจมาก ข้างล่างเป็นการแปลจากคำตัดสิน ที่วงเล็บไว้เป็นคำเขียนเพิ่มเติมของดิฉันเอง


“กฎใหม่ “ภาระสังคม” นี้เป็นเพียงนโยบายของเอเย็นซี่ (อิมมิเกรชั่น) ที่หาเหตุผลเพื่อจะกีดกันคนต่างด้าว ซึ่งกฎใหม่นี้สวนทางกับ “อเมริกัน ดรีม” (American Dream) ที่ให้โอกาสของความรุ่งเรือง และความสำเร็จ ด้วยการทำงานหนักและไต่เต้าขึ้นไป คนต่างด้าวที่ได้เข้ามาในประเทศนี้เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับตัวเองและลูกหลาน ไม่ว่าจะได้รับหรือไม่ได้รับการช่วยเหลือ ส่วนมากได้ประสบความสำเร็จ”


“The Rule is simply a new agency policy of exclusion in search of a justification. It is repugnant to the American Dream of the opportunity for prosperity and success through hard work and upward mobility. Immigrants have always come to this country seeking a better life for themselves and their posterity. With or without help, most succeed.”


คองเกรสมีกฎอย่างชัดแจ้งว่า ผู้ถือใบเขียวสามารถใช้สวัดดิการสังคมได้ หลังจากถือใบเขียวมา 5 ปี ท่าน “แดเนียลส์” ไม่เห็นด้วยที่อยู่ดีๆจะไปทำโทษพวกเขาที่อาจจะไปใช้สวัดดิการ

“ภายใต้กฎ ถึงแม้ว่าผู้นั้นมีสิทธิตามกฎหมายที่จะใช้สวัดดิการที่อยู่สาธารณะ“พับบลิค เฮ๊าส์ซิ่ง” (Public Housing) แต่ถ้าเขาใช้สิทธิตามกฎหมาย ไปใช้สวัสดิการ เขาอาจจะถูกลงโทษ โดยถูกปฏิเสธไม่ได้ใบเขียว” “กฎนี้ฟังไม่ขึ้นเสีย เลย” “เพียงชั่วข้ามคืนกฎนี้ ได้เปิดโล่งให้ผู้คนเผชิญกับความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ สุขภาพ และขอซิติเซ่นไม่ได้ และมีโอกาศถูกเนรเทศ”


Congress has made clear that permanent residents are eligible to receive public benefits, usually after they’ve had green cards for five years. Daniels argued that it makes no sense to punish immigrants for being likely to use those benefits. “Under the Rule, although this individual is legally entitled to public housing, if she takes advantage of this right, she may be penalized with denial of adjustment of status.” “There is no logic to this framework.” “Overnight, the Rule will expose individuals to economic insecurity, health instability, denial of their path to citizenship, and potential deportation.”

อันที่ซึ้งมากๆคือเรื่อง คนต่างด้าว ที่พูดภาษาอังกฎษไม่ได้ดีจัดว่า อาจเป็นภาระสังคม ท่าน “แดเนียลส์” เขียนว่า


“ประเทศอเมริกาไม่มีภาษาประจำชาติ” “คนส่วนมากหรือชาวต่างด้าวแทบจะทุกคนก็ว่าได้ ที่เข้ามาถึงชายฝั่ง (ท่าน“แดเนียลส์” หมายถึงสมัยก่อนโน้นที่ผู้อพยพล่องเรือข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาถึงชายฝั่ง) พูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ที่จะมากำหนดว่า ต้องเก่งภาษาอังกฤษ ถึงจะเป็นเครื่องวัดว่าผู้นั้นจะเอาตัวรอด”


“The United States of America has no official language. Many, if not most, immigrants who arrived at these shores did not speak English. It is simply offensive to contend that English proficiency is a valid predictor of self-sufficiency.”


ดูรูปการ์ตูนนี้ที่วาดปี ค.ศ. 1893 วาดประชดคนต่างด้าวรุ่นแรกๆที่อพยพเข้ามาในอเมริกา ห้ามไม่ให้ผู้อพยพรุ่นหลังเข้าประเทศ เห็น “แคปชั่น” ตรงกลางล่างสุดไหมคะเขียนว่า “Looking Backward” “ย้อนอดีตกลับไป”


“คนต่างด้าวที่อพยพเข้ามารุ่นก่อนหน้า ปิดสะพานไม่ให้คนต่างด้าวรุ่นหลังข้ามสะพานที่พวกเขา และพ่อเขา ครั้งหนึ่งได้ข้ามสะพานนี้เข้ามา”

ไงคะอ่านแล้วขนลุกไหมคะ ขณะดิฉันเขียนยังสะอื้นเลย